ครูสาวอกตรม สามีคบชู้นักเรียนอายุ 18 พ่อแม่เด็กป้องลูก ขู่ฟ้องกลับ
วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ข่าวช่องวัน รายงานว่า ครูบี (นามสมมติ) และ น.ส.วัชรภรณ์ วงอินตา ทนายส่วนตัว ยื่นเอกสารหลักฐานต่าง ๆ และยื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบวินัย ครูเอ (นามสมมติ) ผู้เป็นสามี ครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เนื่องจากลักลอบมีพฤติกรรมชู้สาวกับลูกศิษย์ อายุ 18 ปี น.ส.วัชรภรณ์ เล่าว่า ครูบี กับ ครูเอ แต่งงานกันโดยจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 4 ขวบ ก่อนหน้านี้ครูเอสอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ส่วนครูบี สอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สันทราย กระทั่งราว 2 ปีที่แล้ว ครูเอย้ายมาสอนที่ อ.สันป่าตอง และเริ่มมีความสัมพันธ์กับนักเรียนหญิงคนหนึ่งภาพจาก chiangmainews.co.th ในช่วงดังกล่าว ครูบีสังเกตว่าสามีมีพฤติกรรมแปลก ๆ พยายามตีตัวอกห่าง โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา รวมทั้งเรื่องความเสี่ยงแพร่โรคโควิด 19 จนต่อมา ครูบีตัดสินใจตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของสามีและจับได้ว่าตัวเองถูกนอกใจ มีหลักฐานครบทุกอย่าง ทั้งแชตคุยเชิงชู้สาวกับลูกศิษย์ โพสต์รูปคู่ลงโซเชียล บันทึกการวิดีโอคอลคุยกัน และรวมทั้งคลิปสามีหอมแก้มฝ่ายหญิง ในห้องลักษณะคล้ายกับโรงแรม นอกจากนี้แล้ว ภายในแชตที่คุยกัน ยังพบว่านักเรียนหญิงพยายามบอกครูเอให้เลิกกับกับภรรยาและมาใช้ชีวิตด้วยกัน ครูบีเก็บข้อมูลมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งช่วงเดือนมีนาคม 2564 ก็ได้ตัดสินใจเปิดปากถามความจริง รวมทั้งพยายามขอร้องให้สามียุติพฤติกรรมดังกล่าว แต่จบลงด้วยการมีปากเสียงทะเลาะกันทุกครั้ง จนครูบีก็ตระหนักได้ว่าคุยกันไปไม่ก็รู้เรื่อง จึงขอหย่ากับสามี พร้อมเรียกร้องดูแลบุตร และค่าเลี้ยงดูบุตร แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนตัดสินใจฟ้องหย่า ครูบีเคยพยายามไปเข้าพูดคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนหญิงคนดังกล่าวแล้ว แต่ก็ถูกขู่ฟ้องหมิ่นประมาท นอกจากนี้ยังพบว่าครูเอแอบนำข้อสอบของตนและเพื่อนครูคนอื่นไปส่งให้เด็กนักเรียนหญิงคนนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ครูบีจึงตัดสินใจปรึกษาทนาย ยื่นหนังสือให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ เพื่อสอบวินัยครูเอ ครูบี เปิดเผยว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาตนได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีลูกเล็กที่ต้องดูแล ที่ผ่านมาตนใช้ไม้อ่อนมาโดยตลอด พยายามพูดคุยพยายามเจรจาอย่างประนีประนอม ทั้งกับตัวสามีเองและครอบครัวสามี แต่โดนบ่ายเบี่ยงตลอด จนส่งผลกระทบกับชีวิตครอบครัว จนคิดว่าใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้อีกแล้ว และกลัวว่าจะส่งผลกระทบไปถึงลูกในอนา2คต ตอนนี้ตนยืนยันที่จะหย่าขาดกับสามีอย่างเด็ดขาด ไม่ย้อนกลับแน่นอน เพราะตอนบอกครอบครัวสามี ก็ได้รับคำตอบว่าหากมั่นใจในหลักฐาน ก็ดำเนินการกฎหมายได้เลย ตนจึงตัดสินใจฟ้องหย่าและจะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ทางด้าน นายกิตินันท์ อินทรกำแหง นิติกรชำนาญการพิเศษ สพม.จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เหากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง ถือว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง หลังจากนี้จะตรวจสอบข้อมูลพร้อมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ให้รัดกุม และเสนอให้ผู้บริหารพิจารณาอีกครั้ง หากพบว่ามีข้อเท็จจริง อาจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบควบคู่ไปกับโรงเรียนต้นสังกัดของครูเอ โดยเบื้องต้นผู้บริหารได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่องวัน 6157
วันที่ 6 กรกฎาคม 2564 ข่าวช่องวัน รายงานว่า ครูบี (นามสมมติ) และ น.ส.วัชรภรณ์ วงอินตา ทนายส่วนตัว ยื่นเอกสารหลักฐานต่าง ๆ และยื่นหนังสือร้องเรียนให้ตรวจสอบวินัย ครูเอ (นามสมมติ) ผู้เป็นสามี ครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ เนื่องจากลักลอบมีพฤติกรรมชู้สาวกับลูกศิษย์ อายุ 18 ปี
น.ส.วัชรภรณ์ เล่าว่า ครูบี กับ ครูเอ แต่งงานกันโดยจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมาย และมีลูกสาวด้วยกัน 1 คน ปัจจุบันอายุ 4 ขวบ ก่อนหน้านี้ครูเอสอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ส่วนครูบี สอนอยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สันทราย กระทั่งราว 2 ปีที่แล้ว ครูเอย้ายมาสอนที่ อ.สันป่าตอง และเริ่มมีความสัมพันธ์กับนักเรียนหญิงคนหนึ่ง
ภาพจาก chiangmainews.co.th
ในช่วงดังกล่าว ครูบีสังเกตว่าสามีมีพฤติกรรมแปลก ๆ พยายามตีตัวอกห่าง โดยอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา รวมทั้งเรื่องความเสี่ยงแพร่โรคโควิด 19 จนต่อมา ครูบีตัดสินใจตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของสามีและจับได้ว่าตัวเองถูกนอกใจ มีหลักฐานครบทุกอย่าง
ทั้งแชตคุยเชิงชู้สาวกับลูกศิษย์ โพสต์รูปคู่ลงโซเชียล บันทึกการวิดีโอคอลคุยกัน และรวมทั้งคลิปสามีหอมแก้มฝ่ายหญิง ในห้องลักษณะคล้ายกับโรงแรม นอกจากนี้แล้ว ภายในแชตที่คุยกัน ยังพบว่านักเรียนหญิงพยายามบอกครูเอให้เลิกกับกับภรรยาและมาใช้ชีวิตด้วยกัน
ครูบีเก็บข้อมูลมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งช่วงเดือนมีนาคม 2564 ก็ได้ตัดสินใจเปิดปากถามความจริง รวมทั้งพยายามขอร้องให้สามียุติพฤติกรรมดังกล่าว แต่จบลงด้วยการมีปากเสียงทะเลาะกันทุกครั้ง จนครูบีก็ตระหนักได้ว่าคุยกันไปไม่ก็รู้เรื่อง จึงขอหย่ากับสามี พร้อมเรียกร้องดูแลบุตร และค่าเลี้ยงดูบุตร แต่ถูกบ่ายเบี่ยงมาโดยตลอด จนตัดสินใจฟ้องหย่า
ครูบีเคยพยายามไปเข้าพูดคุยกับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กนักเรียนหญิงคนดังกล่าวแล้ว แต่ก็ถูกขู่ฟ้องหมิ่นประมาท นอกจากนี้ยังพบว่าครูเอแอบนำข้อสอบของตนและเพื่อนครูคนอื่นไปส่งให้เด็กนักเรียนหญิงคนนี้ด้วย ด้วยเหตุนี้ครูบีจึงตัดสินใจปรึกษาทนาย ยื่นหนังสือให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเชียงใหม่ เพื่อสอบวินัยครูเอ
ครูบี เปิดเผยว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาตนได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีลูกเล็กที่ต้องดูแล ที่ผ่านมาตนใช้ไม้อ่อนมาโดยตลอด พยายามพูดคุยพยายามเจรจาอย่างประนีประนอม ทั้งกับตัวสามีเองและครอบครัวสามี แต่โดนบ่ายเบี่ยงตลอด จนส่งผลกระทบกับชีวิตครอบครัว จนคิดว่าใช้ชีวิตร่วมกันไม่ได้อีกแล้ว และกลัวว่าจะส่งผลกระทบไปถึงลูกในอนา2คต
ตอนนี้ตนยืนยันที่จะหย่าขาดกับสามีอย่างเด็ดขาด ไม่ย้อนกลับแน่นอน เพราะตอนบอกครอบครัวสามี ก็ได้รับคำตอบว่าหากมั่นใจในหลักฐาน ก็ดำเนินการกฎหมายได้เลย ตนจึงตัดสินใจฟ้องหย่าและจะดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
ทางด้าน นายกิตินันท์ อินทรกำแหง นิติกรชำนาญการพิเศษ สพม.จ.เชียงใหม่ เปิดเผยว่า เหากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง ถือว่าเป็นการกระทำความผิดวินัยร้ายแรง หลังจากนี้จะตรวจสอบข้อมูลพร้อมเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ให้รัดกุม และเสนอให้ผู้บริหารพิจารณาอีกครั้ง หากพบว่ามีข้อเท็จจริง อาจะมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบควบคู่ไปกับโรงเรียนต้นสังกัดของครูเอ โดยเบื้องต้นผู้บริหารได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบไปแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป
ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่องวัน
6157
ปฏิกิริยาของคุณคืออะไร?