ชงใช้งบ2.1หมื่นล้าน ลดค่าเทอมนักเรียนคนละ2พันบาท
กระทรวงศึกษา ชง ครม. ใช้งบ2.1หมื่นล้าน ลดค่าเทอมนักเรียนคนละ 2 พันบาท และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ลดภาระผู้ปกครองนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ได้ประชุมหารือ มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมานั้นกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เสนอ 4 มาตรการมาตรการที่ 1 การให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา โดยเป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา ในวัยเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งสายสามัญศึกษาและสายอาชีพ ในสถานศึกษาของรัฐและเอกชน รวมประมาณ 10.8 ล้านคน ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน รวมเป็นเงินประมาณ 21,600 ล้านบาท โดยใช้ฐานข้อมูลเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งเงินนี้เป็นการชดเชยค่าใช้จ่ายในการเรียนที่เพิ่มขึ้นในช่วงโควิด 19 ใช้วิธีการจ่ายเงินตรงให้ผู้ปกครองนำไปใช้ตามความจำเป็น เช่น ค่าธรรมเนียมการเรียน ค่าบำรุงการศึกษา ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าไฟฟ้า เป็นต้นมาตรการที่ 2 เป็นการขอความร่วมมือจากโรงเรียนเอกชน ให้ลด หรือตรึงค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากผู้ปกครอง ในโรงเรียนเอกชนกลุ่มที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐ และกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ ให้เท่ากับปีการศึกษา 2563 เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในโรงเรียนเอกชน ทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อพิจารณาสั่งการเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตามหลังจาก ศธ.ได้ออกประกาศแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ปีการศึกษา 2564 ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัด หรือในกำกับของ ศธ. ถือปฏิบัติไปแล้วนั้น จนถึงขณะนี้มีโรงเรียนเอกชนในสังกัด สช.คืนเงินค่าธรรมเนียม การเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นแก่ผู้ปกครองแล้วกว่า 2,275 ล้านบาทเศษ บางแห่งให้ผู้ปกครองผ่อนชำระค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น โดยมีระยะปลอดดอกเบี้ยตลอดปีการศึกษา และบางโรงเรียนสนับสนุนค่าอินเทอร์เน็ตแก่นักเรียน อย่างน้อย 1 เดือน ขณะเดียวกันในส่วนสถานศึกษาของรัฐ ก็ได้มีการคืนเงินค่าบำรุงการศึกษาบางส่วน และคืนเงินค่ากิจกรรมที่ไม่ได้จัดให้นักเรียนแก่ผู้ปกครองไปแล้วเช่นกันมาตรการที่ 3 เป็นการลดช่องว่างการเรียนรู้ (Learning Gaps) และลดผลกระทบด้านความรู้ ที่ขาดหายไป (Learning Loss) โดยให้สถานศึกษาสามารถถัวจ่ายเงินที่ได้รับจัดสรรตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ใน 5 รายการ ได้แก่ ค่าเล่าเรียน หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อใช้จัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดในปีการศึกษา 2564 ได้ และจัดสรรค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้สถานศึกษาอีกส่วนหนึ่ง เพื่อใช้จัดการเรียนรู้และแก้ปัญหาความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของสถานศึกษา และจัดทําสื่ออุปกรณ์การเรียนรู้หลากหลายที่เหมาะสมกับวัย ลดการเรียนรู้จากสื่อออนไลน์โดยเฉพาะกลุ่มผู้เรียน อนุบาล-ป.3 ขณะเดียวกัน ศธ.จะจัดเช่าอุปกรณ์ (Devices) พร้อมสัญญาน จํานวน 200,000 ชุด สําหรับให้นักเรียน/นักศึกษา กลุ่ม ป.4 – ม.6 และ อาชีวศึกษา ใช้ยืมเรียน รองรับการเรียนแบบออนไลน์มาตรการที่ 4 เป็นการช่วยเหลือผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างงาน โดยจะมีการจัดฝึกอบรมด้านอาชีพสําหรับผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการอบรมฟรีรัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน พร้อมทั้งประสานเชื่อมโยงกับแหล่งทุนเพื่อจัดหาทุนเริ่มต้นประกอบอาชีพทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารที่ 27 ก.ค.นี้ ศธ.จะนำ 4 มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว เสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป 6189
นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ได้ประชุมหารือ มาตรการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ปกครอง นักเรียน และนักศึกษา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด 19 ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น
กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เสนอ 4 มาตรการ
มาตรการที่ 1 การให้ความช่วยเหลือภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษา โดยเป็นการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเรียนรู้ของนักเรียน นักศึกษา ในวัยเรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทั้งสายสามัญศึกษาและสายอาชีพ ในสถานศึกษาของรัฐและเอกชน รวมประมาณ 10.8 ล้านคน ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน รวมเป็นเงินประมาณ 21,600 ล้านบาท โดยใช้ฐานข้อมูลเรียนฟรี 15 ปี ซึ่งเงินนี้เป็นการชดเชยค่าใช้จ่ายในการเรียนที่เพิ่มขึ้นในช่วงโควิด 19 ใช้วิธีการจ่ายเงินตรงให้ผู้ปกครองนำไปใช้ตามความจำเป็น เช่น ค่าธรรมเนียมการเรียน ค่าบำรุงการศึกษา ค่าอินเทอร์เน็ต ค่าไฟฟ้า เป็นต้น
มาตรการที่ 2 เป็นการขอความร่วมมือจากโรงเรียนเอกชน ให้ลด หรือตรึงค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากผู้ปกครอง ในโรงเรียนเอกชนกลุ่มที่ไม่รับการอุดหนุนจากรัฐ และกลุ่มโรงเรียนนานาชาติ ให้เท่ากับปีการศึกษา 2563 เพื่อไม่ให้เป็นภาระแก่ประชาชนเกินสมควร พร้อมทั้งจัดตั้งศูนย์ประสานงานและแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายของผู้ปกครองในโรงเรียนเอกชน ทั้ง 2 กลุ่ม เพื่อพิจารณาสั่งการเป็นรายกรณี อย่างไรก็ตามหลังจาก ศธ.ได้ออกประกาศแนวปฏิบัติการเก็บเงินบำรุงการศึกษา ค่าธรรมเนียมการศึกษา ค่าธรรมเนียมการเรียน และค่าธรรมเนียมอื่น ปีการศึกษา 2564 ให้โรงเรียนหรือสถานศึกษาในสังกัด หรือในกำกับของ ศธ. ถือปฏิบัติไปแล้วนั้น จนถึงขณะนี้มีโรงเรียนเอกชนในสังกัด สช.คืนเงินค่าธรรมเนียม การเรียน และค่าธรรมเนียมอื่นแก่ผู้ปกครองแล้วกว่า 2,275 ล้านบาทเศษ บางแห่งให้ผู้ปกครองผ่อนชำระค่าธรรมเนียมการศึกษาและค่าธรรมเนียมอื่น โดยมีระยะปลอดดอกเบี้ยตลอดปีการศึกษา และบางโรงเรียนสนับสนุนค่าอินเทอร์เน็ตแก่นักเรียน อย่างน้อย 1 เดือน ขณะเดียวกันในส่วนสถานศึกษาของรัฐ ก็ได้มีการคืนเงินค่าบำรุงการศึกษาบางส่วน และคืนเงินค่ากิจกรรมที่ไม่ได้จัดให้นักเรียนแก่ผู้ปกครองไปแล้วเช่นกัน
มาตรการที่ 3 เป็นการลดช่องว่างการเรียนรู้ (Learning Gaps) และลดผลกระทบด้านความรู้ ที่ขาดหายไป (Learning Loss) โดยให้สถานศึกษาสามารถถัวจ่ายเงินที่ได้รับจัดสรรตามนโยบายเรียนฟรี 15 ปี ใน 5 รายการ ได้แก่ ค่าเล่าเรียน หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน เพื่อใช้จัดการเรียนรู้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดในปีการศึกษา 2564 ได้ และจัดสรรค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมให้สถานศึกษาอีกส่วนหนึ่ง เพื่อใช้จัดการเรียนรู้และแก้ปัญหาความปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของสถานศึกษา และจัดทําสื่ออุปกรณ์การเรียนรู้หลากหลายที่เหมาะสมกับวัย ลดการเรียนรู้จากสื่อออนไลน์โดยเฉพาะกลุ่มผู้เรียน อนุบาล-ป.3 ขณะเดียวกัน ศธ.จะจัดเช่าอุปกรณ์ (Devices) พร้อมสัญญาน จํานวน 200,000 ชุด สําหรับให้นักเรียน/นักศึกษา กลุ่ม ป.4 – ม.6 และ อาชีวศึกษา ใช้ยืมเรียน รองรับการเรียนแบบออนไลน์
มาตรการที่ 4 เป็นการช่วยเหลือผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบจากการเลิกจ้างงาน โดยจะมีการจัดฝึกอบรมด้านอาชีพสําหรับผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นการอบรมฟรีรัฐสนับสนุนค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน พร้อมทั้งประสานเชื่อมโยงกับแหล่งทุนเพื่อจัดหาทุนเริ่มต้นประกอบอาชีพทั้งนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันอังคารที่ 27 ก.ค.นี้ ศธ.จะนำ 4 มาตรการช่วยเหลือดังกล่าว เสนอที่ประชุม ครม.พิจารณาต่อไป
6189
ปฏิกิริยาของคุณคืออะไร?