‘บิ๊กรร.’ จ่อฟ้องก.ค.ศ. แจ้งขาดคุณสมบัติประเมิน ว13 กว่า 1,000 ราย

‘บิ๊กรร.’ จ่อฟ้องก.ค.ศ. แจ้งขาดคุณสมบัติประเมิน ว13 กว่า 1,000 รายเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ผู้บริหารโรงเรียนดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้ข้าราชการครูและผู้บริหารทางการศึกษาซึ่งยื่นขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ที่ศธ. 0206.3/ว13 เรื่อง การให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสพผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ กำลังประสบปัญหาจากการประเมินของก.ค.ศ. ซึ่งไม่เป็นธรรม ทั้งนี้เกณฑ์ดังกล่าว มีการประกาศว่า ผลงานใดที่ใช้ในการประเมินได้ และให้มีผลงานเทียบเคียง โดยความเห็นชอบของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)แต่เมื่อเสนอผลงาน ทางก.ค.ศ.กลับ มีหนังสือแจ้งกลับมาว่า ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน ซึ่งมีผู้อำนวยการโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบนี้แล้วกว่า 1,000 ราย และเท่าที่ทราบจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ“ส่วนหนึ่งเข้าใจว่า เพราะการประเมินครั้งนี้เป็นล็อตสุดท้าย รอยต่อระหว่างการใช้เกณฑ์ประเมินใหม่ ซึ่งมีผู้ค้างทออยู่ประมาณ 4,000 กว่ารายเป็นจำนวนที่มาก ทางก.ค.ศ.จึงกังวลว่าอาจกระทบกับงบประมาณ อีกส่วนหนึ่งจะมีเรื่องคนของใคร ของมัน เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ผู้อำนวยการหลายราย ข้องใจ เพราะคำว่า ผลงานเชิงประจักษ์ มีการกำหนดไว้แล้วว่า ผลงานใดใช้ประเมินได้บ้าง และผลงานใดเทียบเคียงใดบ้าง ดังนั้นจึงไม่น่าจะต้องกลั่นกรองอีก เพราะเป็นผลงานที่โรงเรียนได้มาแล้ว กรณีนี้ถ้าฟ้องศาลปกครอง ก.ค.ศ.ก็แพ้ คำว่าเชิงประจักษ์ไม่ต้องตีความ ทั้งนี้ผมเอง ก็ขอรับการประเมินเช่นกัน แต่ยังไม่มีชื่อ หรือได้รับแจ้งจากก.ค.ศ.ว่าไม่มีคุณสมบัติ ซึ่งถ้าผมได้รับแจ้ง ก็พร้อมจะฟ้องศาลปกครอง เพราะผลงานของผมผ่านการประเมินระดับชาติ ที่ได้รับการยอมรับและใช้เวลาประเมินนานเป็นปี ที่สำคัญเชื่อว่ามีผู้อำนวยการโรงเรียนหลายรายเตรียมยื่นฟ้องก.ค.ศ.ด้วย” ผู้อำนวยการ รร.กล่าว นายสวัสดิ์ เพชรบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนหอวัง กล่าวว่า ตนเองก็ได้ส่งคำขอรับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวตั้งแต่ ปี 2559 แต่เมื่อเดือนมีนาคม 2561 นานเกือบสองปี เพิ่งได้รับแจ้งมาพร้อมเพื่อนครูและผู้บริหารอีกหลายๆ ราย ว่า เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติ แปลกใจมาก จึงได้ทำหนังสือสอบถามขอทราบเหตุผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2561 จนถึงวันนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ“ผมแค่อยากทราบเหตุผล จะได้ปฏิบัติได้ถูก ถ้าไม่เข้าหลักเกณฑ์ จริงๆ ก็รับ ได้แต่ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะได้ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้นอกจากทำหนังสือสอบถามแล้ว ผมพร้อมด้วยผู้อำนวยการโรงเรียนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ยังเดินทางไปสอบถามที่สำนักงานก.ค.ศ. ด้วยตัวเอง ได้รับการชี้แจงจากรองเลขาธิการก.ค.ศ. รายหนึ่ง บอกว่า ได้มีการประชุมพิจารณาเรื่องนี้นานแล้ว บางรายแล้วเสร็จตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยนโยบาย เลขาธิการก.ค.ศ.จึงจะรวมไว้แจ้งผลพร้อมกันทีเดียว ทำให้แปลกใจว่า อาจมีเจตนาจะทำให้คนที่จะเกษียณปีนี้ซึ่งผมเองเป็นหนึ่งในนั้น เสียสิทธิเสียโอกาสในการอุทธรณ์ใช่หรือไม่ ที่สำคัญรองเลขาธิการก.ค.ศ. คนดังกล่าว ยังบอกอีกว่า ถ้ารู้สึกเสียสิทธิให้ฟ้องได้เลย ทั้งที่ เราไปพบเพื่อขอทราบเหตุผล เพราะใกล้จะเกษียณ แต่ทำไมต้องท้าทายให้ฟ้อง”นายสวัสดิ์ กล่าวและว่า ผู้บริหารและครูทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ วางแผนจัดหารางวัลตามที่ ก.ค.ศ.ประกาศให้เป็นรางวัลระดับชาติและรางวัลมีหลากหลายเราก็เลือกรางวัลที่มีคนเคยขอเทียบเคียงแล้ว ก.ค.ศ.อนุมัติ จัดส่งไป กว่าจะหารางวัลได้ครบ 3 รางวัล ใน 3 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย อยู่ๆ มาบอกว่าไม่อนุมัติให้รางวัลเทียบเคียง ที่สำคัญไล่ให้ไปดูหลักเกณฑ์ใหม่ จึงอยากจะให้ท่านผู้ใหญ่คืนความสุขให้พวกเรา พวกเราไม่ต้องการให้พิจารณาเป็นพิเศษ แต่ขอให้ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการ มาตรฐานเดียวกับที่ได้ใช้มาเท่านั้นขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 29 พฤษภาคม 2561 4071

กรกฎาคม 29, 2023 - 18:42
 0  4
‘บิ๊กรร.’ จ่อฟ้องก.ค.ศ. แจ้งขาดคุณสมบัติประเมิน ว13 กว่า 1,000 ราย

‘บิ๊กรร.’ จ่อฟ้องก.ค.ศ. แจ้งขาดคุณสมบัติประเมิน ว13 กว่า 1,000 ราย

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ผู้บริหารโรงเรียนดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้ข้าราชการครูและผู้บริหารทางการศึกษาซึ่งยื่นขอมีและเลื่อนวิทยฐานะ ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ก.ค.ศ.)ที่ศธ. 0206.3/ว13 เรื่อง การให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีผลงานดีเด่นที่ประสพผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์มีวิทยฐานะหรือเลื่อนเป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษและวิทยฐานะเชี่ยวชาญ กำลังประสบปัญหาจากการประเมินของก.ค.ศ. ซึ่งไม่เป็นธรรม ทั้งนี้เกณฑ์ดังกล่าว มีการประกาศว่า ผลงานใดที่ใช้ในการประเมินได้ และให้มีผลงานเทียบเคียง โดยความเห็นชอบของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)แต่เมื่อเสนอผลงาน ทางก.ค.ศ.กลับ มีหนังสือแจ้งกลับมาว่า ไม่มีคุณสมบัติเข้ารับการประเมิน ซึ่งมีผู้อำนวยการโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบนี้แล้วกว่า 1,000 ราย และเท่าที่ทราบจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ

“ส่วนหนึ่งเข้าใจว่า เพราะการประเมินครั้งนี้เป็นล็อตสุดท้าย รอยต่อระหว่างการใช้เกณฑ์ประเมินใหม่ ซึ่งมีผู้ค้างทออยู่ประมาณ 4,000 กว่ารายเป็นจำนวนที่มาก ทางก.ค.ศ.จึงกังวลว่าอาจกระทบกับงบประมาณ อีกส่วนหนึ่งจะมีเรื่องคนของใคร ของมัน เข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งนี้ผู้อำนวยการหลายราย ข้องใจ เพราะคำว่า ผลงานเชิงประจักษ์ มีการกำหนดไว้แล้วว่า ผลงานใดใช้ประเมินได้บ้าง และผลงานใดเทียบเคียงใดบ้าง ดังนั้นจึงไม่น่าจะต้องกลั่นกรองอีก เพราะเป็นผลงานที่โรงเรียนได้มาแล้ว กรณีนี้ถ้าฟ้องศาลปกครอง ก.ค.ศ.ก็แพ้ คำว่าเชิงประจักษ์ไม่ต้องตีความ ทั้งนี้ผมเอง ก็ขอรับการประเมินเช่นกัน แต่ยังไม่มีชื่อ หรือได้รับแจ้งจากก.ค.ศ.ว่าไม่มีคุณสมบัติ ซึ่งถ้าผมได้รับแจ้ง ก็พร้อมจะฟ้องศาลปกครอง เพราะผลงานของผมผ่านการประเมินระดับชาติ ที่ได้รับการยอมรับและใช้เวลาประเมินนานเป็นปี ที่สำคัญเชื่อว่ามีผู้อำนวยการโรงเรียนหลายรายเตรียมยื่นฟ้องก.ค.ศ.ด้วย” ผู้อำนวยการ รร.กล่าว

 

นายสวัสดิ์ เพชรบูรณ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนหอวัง กล่าวว่า ตนเองก็ได้ส่งคำขอรับการประเมินตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังกล่าวตั้งแต่ ปี 2559 แต่เมื่อเดือนมีนาคม 2561 นานเกือบสองปี เพิ่งได้รับแจ้งมาพร้อมเพื่อนครูและผู้บริหารอีกหลายๆ ราย ว่า เป็นผู้ไม่มีคุณสมบัติ แปลกใจมาก จึงได้ทำหนังสือสอบถามขอทราบเหตุผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2561 จนถึงวันนี้ยังไม่ได้รับคำตอบ

“ผมแค่อยากทราบเหตุผล จะได้ปฏิบัติได้ถูก ถ้าไม่เข้าหลักเกณฑ์ จริงๆ ก็รับ ได้แต่ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็จะได้ดำเนินการต่อไป ทั้งนี้นอกจากทำหนังสือสอบถามแล้ว ผมพร้อมด้วยผู้อำนวยการโรงเรียนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม ยังเดินทางไปสอบถามที่สำนักงานก.ค.ศ. ด้วยตัวเอง ได้รับการชี้แจงจากรองเลขาธิการก.ค.ศ. รายหนึ่ง บอกว่า ได้มีการประชุมพิจารณาเรื่องนี้นานแล้ว บางรายแล้วเสร็จตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ด้วยนโยบาย เลขาธิการก.ค.ศ.จึงจะรวมไว้แจ้งผลพร้อมกันทีเดียว ทำให้แปลกใจว่า อาจมีเจตนาจะทำให้คนที่จะเกษียณปีนี้ซึ่งผมเองเป็นหนึ่งในนั้น เสียสิทธิเสียโอกาสในการอุทธรณ์ใช่หรือไม่ ที่สำคัญรองเลขาธิการก.ค.ศ. คนดังกล่าว ยังบอกอีกว่า ถ้ารู้สึกเสียสิทธิให้ฟ้องได้เลย ทั้งที่ เราไปพบเพื่อขอทราบเหตุผล เพราะใกล้จะเกษียณ แต่ทำไมต้องท้าทายให้ฟ้อง”นายสวัสดิ์ กล่าวและว่า ผู้บริหารและครูทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ วางแผนจัดหารางวัลตามที่ ก.ค.ศ.ประกาศให้เป็นรางวัลระดับชาติและรางวัลมีหลากหลายเราก็เลือกรางวัลที่มีคนเคยขอเทียบเคียงแล้ว ก.ค.ศ.อนุมัติ จัดส่งไป กว่าจะหารางวัลได้ครบ 3 รางวัล ใน 3 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย อยู่ๆ มาบอกว่าไม่อนุมัติให้รางวัลเทียบเคียง ที่สำคัญไล่ให้ไปดูหลักเกณฑ์ใหม่ จึงอยากจะให้ท่านผู้ใหญ่คืนความสุขให้พวกเรา พวกเราไม่ต้องการให้พิจารณาเป็นพิเศษ แต่ขอให้ใช้หลักเกณฑ์และวิธีการ มาตรฐานเดียวกับที่ได้ใช้มาเท่านั้น


ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 29 พฤษภาคม 2561
4071

ปฏิกิริยาของคุณคืออะไร?

like

dislike

love

funny

angry

sad

wow