ผู้กู้ช.พ.ค ยื่นหนังสือทวง 2 หมื่นล้านเงินส่วนต่างคืน ขอบริหารเอง

ผู้กู้ช.พ.ค ยื่นหนังสือทวง 2 หมื่นล้านเงินส่วนต่างคืน ขอบริหารเองเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม นายคำสุข สาอ้าย ประธานเครือข่ายพิทักษ์กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.)แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยตัวแทนสมาชิกครูผู้กู้เงินตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. ตั้งแต่โครงการที่ 1-7 มายื่นหนังสือถึงนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) คืนเงินหลักประกันความมั่นคงของสมาชิกที่จะต้องจ่ายรายละ 2,000 บาทในการกู้ เป็นเงินประมาณ 800 ล้านบาท และเงินที่ธนาคารออมสินได้ทำข้อตกลงความร่วมมือ หรือMOU กับสำนักงานสกสค. คืนส่วนต่าง 1% ให้ครูผ่านกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ช.พ.ค.ฯ รวมแล้วมากกว่า 20,000 ล้านบาท คืนให้กับสมาชิกผู้กู้ช.พ.ค. และให้สมาชิกเพื่อนครูได้เข้ามามีส่วนในการบริหารจัดการเงินดังกล่าวเอง เพราะถือเป็นเงินของครู การให้คนอื่นมาบริหารอาจจะไม่ดี“ที่มาทวงเพราะเห็นว่า เงินจำนวนนี้เป็นเงินของสมาชิกผู้กู้ช.พ.ค.กว่า 400,000 ราย ที่กู้เงินจากธนาคารออมสิน เป็นเงินกว่า 500,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงอยากให้คืนให้กับครู เพื่อมาดูแลเอง ทั้งนี้ทางสมาชิกผู้กู้ช.พ.ค. เห็นด้วยที่ในอนาคต ธนาคารออมสิน จะไม่ต้องจ่าย 1 % ผ่านทางกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ และจะคือเงินดังกล่าวถึงผู้กู้โดยตรง โดยการลดดอกเบี้ยให้กับผู้กู้ที่มีวินัยทางการเงินดี เพราะจะทำให้ครูได้ประโยชน์อย่างแท้จริง”นายคำสุขกล่าวด้านนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในฐานปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค. กล่าวว่า ข้อตกลงเดิม ธนาคารออมสินคืนเงินดังกล่าว ให้สำนักงานสกสค. เพื่อบริหารจัดการเงินกู้แต่ละโครงการฯและกำหนดให้ธนาคารออมสินหักเงิน จากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ เพื่อชำระหนี้แทนครูที่ค้างชำระเกิน 3 งวด ซึ่งภายหลังพบว่า เงินส่วนใหญ่ถูกนำไปช่วยครูที่ไม่มีวินัยทางการเงิน ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการศธ. จึงเห็นว่า หากดำเนินการเช่นนั้น จะไม่เป็นธรรมกับครูที่มีวินัยทางการเงิน จึงให้ทำข้อตกลงใหม่ โดยให้ธนาคารออมสิน คืนเงินจำนวนดังกล่าวให้ครูที่มีวินัยทางการเงินดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างข้อตกลงใหม่ เพื่อให้ครูได้รับประโยชน์มากที่สุด“ยืนยันว่า ของเดิม 1% เป็นเงินที่ธนาคารออมสินให้กับทางสำนักงานสกสค. เพื่อบริหารจัดการ แต่อนาคตเงินส่วนนี้จะคืนให้กับครูที่มีวินัยทางการเงิน ส่วนเงิน 20,000ล้าน ซึ่งสมาชิกช.พ.ค.จะขอคืนนั้น สมาชิกช.พ.ค. ต้องไปคุยกับทางธนาคารออมสินเอง เพราะธนาคารออมสิน ได้หักเงินดังกล่าว เพื่อชำระหนี้แทนครูที่ค้างชำระเกิน 3 งวด ไปแล้ว ซึ่งในส่วนของสำนักงานสกสค.เอง ก็ได้มีหนังสือทวงถามถึงเงินการหักเงินดังกล่าวแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ธนาคารออมสินก็ยังไม่มีหนังสือใด ๆ ตอบกลับมาเช่นกัน”นายพินิจศักดิ์กล่าวขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 7 ธันวาคม 2560 - 16:54 น. 3252

กรกฎาคม 29, 2023 - 18:42
 0  4
ผู้กู้ช.พ.ค ยื่นหนังสือทวง 2 หมื่นล้านเงินส่วนต่างคืน ขอบริหารเอง

ผู้กู้ช.พ.ค ยื่นหนังสือทวง 2 หมื่นล้านเงินส่วนต่างคืน ขอบริหารเอง

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม นายคำสุข สาอ้าย ประธานเครือข่ายพิทักษ์กองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา(ช.พ.ค.)แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยตัวแทนสมาชิกครูผู้กู้เงินตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. ตั้งแต่โครงการที่ 1-7 มายื่นหนังสือถึงนพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อเรียกร้องให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) คืนเงินหลักประกันความมั่นคงของสมาชิกที่จะต้องจ่ายรายละ 2,000 บาทในการกู้ เป็นเงินประมาณ 800 ล้านบาท และเงินที่ธนาคารออมสินได้ทำข้อตกลงความร่วมมือ หรือMOU กับสำนักงานสกสค. คืนส่วนต่าง 1% ให้ครูผ่านกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ช.พ.ค.ฯ รวมแล้วมากกว่า 20,000 ล้านบาท คืนให้กับสมาชิกผู้กู้ช.พ.ค. และให้สมาชิกเพื่อนครูได้เข้ามามีส่วนในการบริหารจัดการเงินดังกล่าวเอง เพราะถือเป็นเงินของครู การให้คนอื่นมาบริหารอาจจะไม่ดี

“ที่มาทวงเพราะเห็นว่า เงินจำนวนนี้เป็นเงินของสมาชิกผู้กู้ช.พ.ค.กว่า 400,000 ราย ที่กู้เงินจากธนาคารออมสิน เป็นเงินกว่า 500,000 ล้านบาท ดังนั้นจึงอยากให้คืนให้กับครู เพื่อมาดูแลเอง ทั้งนี้ทางสมาชิกผู้กู้ช.พ.ค. เห็นด้วยที่ในอนาคต ธนาคารออมสิน จะไม่ต้องจ่าย 1 % ผ่านทางกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ และจะคือเงินดังกล่าวถึงผู้กู้โดยตรง โดยการลดดอกเบี้ยให้กับผู้กู้ที่มีวินัยทางการเงินดี เพราะจะทำให้ครูได้ประโยชน์อย่างแท้จริง”นายคำสุขกล่าว

ด้านนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ในฐานปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค. กล่าวว่า ข้อตกลงเดิม ธนาคารออมสินคืนเงินดังกล่าว ให้สำนักงานสกสค. เพื่อบริหารจัดการเงินกู้แต่ละโครงการฯและกำหนดให้ธนาคารออมสินหักเงิน จากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ เพื่อชำระหนี้แทนครูที่ค้างชำระเกิน 3 งวด ซึ่งภายหลังพบว่า เงินส่วนใหญ่ถูกนำไปช่วยครูที่ไม่มีวินัยทางการเงิน ดังนั้น รัฐมนตรีว่าการศธ. จึงเห็นว่า หากดำเนินการเช่นนั้น จะไม่เป็นธรรมกับครูที่มีวินัยทางการเงิน จึงให้ทำข้อตกลงใหม่ โดยให้ธนาคารออมสิน คืนเงินจำนวนดังกล่าวให้ครูที่มีวินัยทางการเงินดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างข้อตกลงใหม่ เพื่อให้ครูได้รับประโยชน์มากที่สุด

“ยืนยันว่า ของเดิม 1% เป็นเงินที่ธนาคารออมสินให้กับทางสำนักงานสกสค. เพื่อบริหารจัดการ แต่อนาคตเงินส่วนนี้จะคืนให้กับครูที่มีวินัยทางการเงิน ส่วนเงิน 20,000ล้าน ซึ่งสมาชิกช.พ.ค.จะขอคืนนั้น สมาชิกช.พ.ค. ต้องไปคุยกับทางธนาคารออมสินเอง เพราะธนาคารออมสิน ได้หักเงินดังกล่าว เพื่อชำระหนี้แทนครูที่ค้างชำระเกิน 3 งวด ไปแล้ว ซึ่งในส่วนของสำนักงานสกสค.เอง ก็ได้มีหนังสือทวงถามถึงเงินการหักเงินดังกล่าวแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ธนาคารออมสินก็ยังไม่มีหนังสือใด ๆ ตอบกลับมาเช่นกัน”นายพินิจศักดิ์กล่าว



ขอบคุณที่มาเนื้อหาข่าวจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 7 ธันวาคม 2560 - 16:54 น.
3252

ปฏิกิริยาของคุณคืออะไร?

like

dislike

love

funny

angry

sad

wow