สถานี ก.ค.ศ. การดำเนินการด้านการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
สถานี ก.ค.ศ.การดำเนินการด้านการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามคำสั่ง คสช. ที่ 19/2560 ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 และเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะใหม่ตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 ซึ่งคำสั่งดังกล่าว ได้กำหนดในข้อ 11 ให้มีสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการบริหารและการจัดการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่นโยบายและยุทธศาสตร์ของส่วนราชการต่างๆ ที่มอบหมายและให้มีอำนาจหน้าที่ในเขตจังหวัด ได้แก่ รับผิดชอบงานธุรการของ กศจ. อกศจ. คณะอนุกรรมการบริหารราชการเชิงยุทธศาสตร์ คณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษา คณะอนุกรรมการและคณะทำงาน รวมทั้งปฏิบัติงานราชการให้เป็นไปตามอำนาจและหน้าที่ของ กศจ. และตามที่ กศจ. มอบหมาย จัดทำแผนพัฒนาการศึกษาและแผนปฏิบัติการ ตลอดจนปฏิบัติภารกิจตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการหรือตามที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของกระทรวงศึกษาธิการ และประสานงานต่างๆ ในจังหวัด และข้อ 12 กำหนดให้มีศึกษาธิการจังหวัด เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดประกอบกับ ก.ค.ศ. ได้กำหนดให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เป็นหน่วยงานการศึกษาแล้วนั้น เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่ง คสช. ดังกล่าว ก.ค.ศ. จึงได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และมีมติดังนี้(1) เห็นชอบการกำหนดกรอบอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ซึ่งได้พิจารณาจากหน้าที่ความรับผิดชอบของศึกษาธิการจังหวัด ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่19/2560 ข้อ 11 เป็นหลัก โดยการกำหนดกรอบอัตรากำลัง ในระยะแรกได้กำหนดกรอบอัตรากำลังตามที่สำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เพื่อให้มีผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดก่อน ดังนั้นกรอบอัตรากำลังที่สอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบภาระงานและปริมาณงานอย่างแท้จริงของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ก.ค.ศ. ได้มอบให้ อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) และสำนักงาน ก.ค.ศ. วิเคราะห์กรอบอัตรากำลังของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้สอดคล้องกับภาระงานและหน้าที่ความรับผิดชอบ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 และนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งจัดทำแนวทางการเกลี่ยอัตรากำลังไปยังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด(2) เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด โดยให้ดำเนินการเป็นไปตามแนวทางการคัดเลือกตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ส่วนคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์สมัครเข้ารับการคัดเลือกตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด ให้เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 ข้อ 12ซึ่งขณะนี้ ทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว ได้มีการประกาศสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการเกลี่ยอัตรากำลังในการรองรับจัดตั้งสำนักงานศึกษาธิการภาคและสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด และเรื่องสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด (ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูง) สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เรียบร้อยแล้วอนึ่ง ขอรายงานความก้าวหน้าในการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน ที่กระทรวงศึกษาธิการจะประกาศใช้ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ดังนี้ จากผลการประชุมเพื่อรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าว ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560 ที่ผ่านมานั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้มอบนโยบายให้สำนักงาน ก.ค.ศ. จัดทำร่างแนวทางและเงื่อนไขที่จะให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์เดิม หรือได้พัฒนาผลงานไว้แล้ว มีทางเลือกในการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ในช่วงเปลี่ยนผ่านได้ โดยอาจนำผลงานส่วนหนึ่งรวมทั้งคุณสมบัติที่มีอยู่เดิมมาเทียบเคียงเป็นคุณสมบัติในการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะได้โดยไม่เสียสิทธิ์ ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ. จะได้มีการประชุมหารือผู้แทนส่วนราชการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อให้ได้แนวทางและเงื่อนไขที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต่อไปพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์เลขาธิการ ก.ค.ศ.เผยแพร่ทางคอลัมน์ “สถานี ก.ค.ศ.” หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2560ที่มา สำนักงาน ก.ค.ศ. 17 เมษายน 2560ขอบคุณ ภาพประกอบ เว็บไซต์ครูบ้านนอกดอทคอม 1606
สถานี ก.ค.ศ.
การดำเนินการด้านการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตามคำสั่ง คสช. ที่ 19/2560 ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 และเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะใหม่
ตามที่ได้มีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 3 เมษายน 2560 ซึ่งคำสั่งดังกล่าว ได้กำหนดในข้อ 11 ให้มีสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อปฏิบัติภารกิจของกระทรวงศึกษาธิการเกี่ยวกับการบริหารและการจัดการศึกษาตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่นโยบายและยุทธศาสตร์ของส่วนราชการต่างๆ ที่มอบหมายและให้มีอำนาจหน้าที่ในเขตจังหวัด ได้แก่ รับผิดชอบงานธุรการของ กศจ. อกศจ. คณะอนุกรรมการบริหารราชการเชิงยุทธศาสตร์ คณะอนุกรรมการเกี่ยวกับการพัฒนาการศึกษา คณะอนุกรรมการและคณะทำงาน รวมทั้งปฏิบัติงานราชการให้เป็นไปตามอำนาจและหน้าที่ของ กศจ. และตามที่ กศจ. มอบหมาย จัดทำแผนพัฒนาการศึกษาและแผนปฏิบัติการ ตลอดจนปฏิบัติภารกิจตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการหรือตามที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับราชการประจำทั่วไปของกระทรวงศึกษาธิการ และประสานงานต่างๆ ในจังหวัด และข้อ 12 กำหนดให้มีศึกษาธิการจังหวัด เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดประกอบกับ ก.ค.ศ. ได้กำหนดให้สำนักงานศึกษาธิการจังหวัด เป็นหน่วยงานการศึกษาแล้วนั้น เพื่อให้เป็นไปตามคำสั่ง คสช. ดังกล่าว ก.ค.ศ. จึงได้มีการประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา และมีมติดังนี้
(1) เห็นชอบการกำหนดกรอบอัตรากำลังผู้ปฏิบัติงานในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ซึ่งได้พิจารณาจากหน้าที่ความรับผิดชอบของศึกษาธิการจังหวัด ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่19/2560 ข้อ 11 เป็นหลัก โดยการกำหนดกรอบอัตรากำลัง ในระยะแรกได้กำหนดกรอบอัตรากำลังตามที่สำนักงานปลัด กระทรวงศึกษาธิการเสนอ เพื่อให้มีผู้ปฏิบัติหน้าที่ในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดก่อน ดังนั้นกรอบอัตรากำลังที่สอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบภาระงานและปริมาณงานอย่างแท้จริงของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด ก.ค.ศ. ได้มอบให้ อ.ก.ค.ศ. วิสามัญเกี่ยวกับตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค. (2) และสำนักงาน ก.ค.ศ. วิเคราะห์กรอบอัตรากำลังของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาให้สอดคล้องกับภาระงานและหน้าที่ความรับผิดชอบ ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 และนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ รวมทั้งจัดทำแนวทางการเกลี่ยอัตรากำลังไปยังสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด
(2) เห็นชอบร่างหลักเกณฑ์การสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด โดยให้ดำเนินการเป็นไปตามแนวทางการคัดเลือกตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ส่วนคุณสมบัติผู้มีสิทธิ์สมัครเข้ารับการคัดเลือกตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด ให้เป็นไปตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 19/2560 ข้อ 12
ซึ่งขณะนี้ ทั้ง 2 เรื่องดังกล่าว ได้มีการประกาศสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เรื่องการเกลี่ยอัตรากำลังในการรองรับจัดตั้งสำนักงานศึกษาธิการภาคและสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด และเรื่องสรรหาผู้ดำรงตำแหน่งศึกษาธิการจังหวัด (ตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูง) สังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เรียบร้อยแล้ว
อนึ่ง ขอรายงานความก้าวหน้าในการจัดทำหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินวิทยฐานะของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา สายงานการสอน ที่กระทรวงศึกษาธิการจะประกาศใช้ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ดังนี้ จากผลการประชุมเพื่อรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการจัดทำหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าว ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2560 ที่ผ่านมานั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการได้มอบนโยบายให้สำนักงาน ก.ค.ศ. จัดทำร่างแนวทางและเงื่อนไขที่จะให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาผู้มีคุณสมบัติตามหลักเกณฑ์เดิม หรือได้พัฒนาผลงานไว้แล้ว มีทางเลือกในการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะ ในช่วงเปลี่ยนผ่านได้ โดยอาจนำผลงานส่วนหนึ่งรวมทั้งคุณสมบัติที่มีอยู่เดิมมาเทียบเคียงเป็นคุณสมบัติในการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะได้โดยไม่เสียสิทธิ์ ซึ่งสำนักงาน ก.ค.ศ. จะได้มีการประชุมหารือผู้แทนส่วนราชการและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเพื่อให้ได้แนวทางและเงื่อนไขที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต่อไป
พินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
เผยแพร่ทางคอลัมน์ “สถานี ก.ค.ศ.” หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันจันทร์ที่ 10 เมษายน 2560
ที่มา สำนักงาน ก.ค.ศ. 17 เมษายน 2560
ขอบคุณ ภาพประกอบ เว็บไซต์ครูบ้านนอกดอทคอม
1606
ปฏิกิริยาของคุณคืออะไร?