นักเรียนวอน "ลุงตู่" แก้ "ครอบครัวแตกแยก-ทะเลาะวิวาท-คุกคามทางเพศ-ลดสอบ"
น.ส.พีรญา ภูศรีคชไกร นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ประธานสภานักเรียน ประจำปี 2559 กล่าวว่า วันเด็กปีนี้อยากให้รัฐบาลเร่งปลูกฝังให้เด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้ และปฏิบัติตามคำสอนตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการรู้รักสามัคคี จนเกิดการซึมซับ และใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ดี และมีประโยชน์อย่างมาก เมื่อโตขึ้นจะได้เป็นคนดี มีคุณภาพ ช่วยพัฒนาประเทศได้ต่อไป ทั้งนี้ ส่วนของตนเองน้อมนำคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันเช่นกัน โดยยึดหลักความพอเพียง เสียสละ สามัคคี และรู้จักการให้อภัยไม่โกรธ ทำให้เราใจเย็น มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รวมถึง สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติสุขน.ส.พีรญากล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอของสภานักเรียนเมื่อปี 2559 ได้รับการแก้ไขเป็นอย่างดี ขอขอบคุณรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาของเยาวชน โดยเรื่องที่เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนคือ การปรับระบบการคัดเลือกเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการแก้ไข เท่าที่ดูน่าจะเป็นระบบที่ช่วยลดปัญหาการวิ่งรอกสอบ และทำให้ผู้ปกครองไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจำนวนมาก ทั้งนี้ แม้จะเปลี่ยนแปลงไม่ทันช่วงที่ตนสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ดีใจที่รุ่นน้องได้รับประโยชน์“อยากให้รัฐบาลดูแลเด็กและเยาวชนในเรื่องนี้ต่อไป รวมถึง อยากให้ช่วยดูแลปัญหาความรุนแรงทางสังคมที่พบในปัจจุบัน คือครอบครัวแตกแยก การหย่าร้าง การควบคุมอารมณ์ของแต่ละคน การทะเลาะวิวาทของนักเรียนในต่างโรงเรียน ความแตกต่างของฐานะ และการศึกษา การคุกคามทางเพศ รวมทั้ง การเลียนแบบสื่อต่างๆ ที่เผยแพร่ในสังคม โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด และพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งเกิดจากการที่นักเรียนอยากรู้อยากลอง และเกิดความพลาดพลั้งไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ส่งผลให้นักเรียนขาดเรียน เกิดการเรียนไม่ทัน และทำให้ผลการเรียนตกต่ำ และอาจมีพฤติกรรมเสี่ยงตามมา อีกทั้ง ยังอาจส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ทำให้เกิดความสูญเสียตามมาอย่างมากมาย” น.ส.พีรญากล่าวนายณัฐพล ทุมทอง หรือน้องแม็ค นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนศรียาภัย จ.ชุมพร กล่าวว่า อยากขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.เร่งปฏิรูปการศึกษา ปรับการเรียนการสอน เพราะส่วนตัวมองว่าทุกวันนี้เด็กไทยเรียนหนักเพื่อเตรียมตัวไปสอบแข่งขัน จนไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) การทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) การทดสอบความถนัดทางวิชาการ/วิชาชีพ (PAT) การสอบวิชาสามัญ 9 วิชา ยังไม่นับรวมการสอบประเมินความรู้ที่โรงเรียนจัดสอบ ทำให้บางคนต้องวิ่งไปเรียนกวดวิชา เพื่อให้มีความรู้เพียงพอต่อการสอบแข่งขัน โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัดที่เรียนเนื้อหาแน่นไม่เท่าเด็กในกรุงเทพฯ ต้องวิ่งเข้าโรงเรียนกวดวิชาเพื่อให้มีเทคนิคสอบแข่งกับคนอื่นได้ เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำตามมา“หากเป็นไปได้ ผมอยากให้ ศธ.และรัฐบาลลดการสอบต่างๆ ให้น้อยลง โดยเฉพาะการสอบ GAT/PAT ที่มีความยากเกินกว่าเนื้อหาที่เรียนในห้องเรียน ทำให้เด็กต้องวิ่งกวดวิชา บางคนที่ครอบครัวมีรายได้น้อยจะเสียเปรียบคนที่ครอบครัวมีฐานะ ส่วนระบบการเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษาระบบใหม่ จะช่วยแก้ปัญหาการวิ่งรอกสอบ และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ดีหรือไม่นั้น ผมคงตอบไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจ แต่อยากให้ปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น ที่ผ่านมาผมเองยอมรับว่าค่อนข้างกังวล เพราะ ศธ.เป็นกระทรวงที่เปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อย อาจจะทำให้นโยบายต่างๆ ไม่ต่อเนื่อง อยากฝากให้นายกฯ ดูแลคุณภาพชีวิตของเด็กไทยให้มีสิทธิที่เท่าเทียมทั้งด้านความเป็นอยู่ และการศึกษา” นายณัฐพลกล่าวขอบคุณที่มาจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 12 ม.ค. 60 1019
น.ส.พีรญา ภูศรีคชไกร นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ ประธานสภานักเรียน ประจำปี 2559 กล่าวว่า วันเด็กปีนี้อยากให้รัฐบาลเร่งปลูกฝังให้เด็กและเยาวชน ได้เรียนรู้ และปฏิบัติตามคำสอนตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยเฉพาะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และการรู้รักสามัคคี จนเกิดการซึมซับ และใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นสิ่งที่ดี และมีประโยชน์อย่างมาก เมื่อโตขึ้นจะได้เป็นคนดี มีคุณภาพ ช่วยพัฒนาประเทศได้ต่อไป ทั้งนี้ ส่วนของตนเองน้อมนำคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 มาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันเช่นกัน โดยยึดหลักความพอเพียง เสียสละ สามัคคี และรู้จักการให้อภัยไม่โกรธ ทำให้เราใจเย็น มีสมาธิในการทำสิ่งต่างๆ ได้เป็นอย่างดี รวมถึง สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างปกติสุข
น.ส.พีรญากล่าวอีกว่า สำหรับข้อเสนอของสภานักเรียนเมื่อปี 2559 ได้รับการแก้ไขเป็นอย่างดี ขอขอบคุณรัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่ให้ความสำคัญกับปัญหาของเยาวชน โดยเรื่องที่เห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนคือ การปรับระบบการคัดเลือกเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับการแก้ไข เท่าที่ดูน่าจะเป็นระบบที่ช่วยลดปัญหาการวิ่งรอกสอบ และทำให้ผู้ปกครองไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยจำนวนมาก ทั้งนี้ แม้จะเปลี่ยนแปลงไม่ทันช่วงที่ตนสอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่ก็ดีใจที่รุ่นน้องได้รับประโยชน์
“อยากให้รัฐบาลดูแลเด็กและเยาวชนในเรื่องนี้ต่อไป รวมถึง อยากให้ช่วยดูแลปัญหาความรุนแรงทางสังคมที่พบในปัจจุบัน คือครอบครัวแตกแยก การหย่าร้าง การควบคุมอารมณ์ของแต่ละคน การทะเลาะวิวาทของนักเรียนในต่างโรงเรียน ความแตกต่างของฐานะ และการศึกษา การคุกคามทางเพศ รวมทั้ง การเลียนแบบสื่อต่างๆ ที่เผยแพร่ในสังคม โดยเฉพาะปัญหายาเสพติด และพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งเกิดจากการที่นักเรียนอยากรู้อยากลอง และเกิดความพลาดพลั้งไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ส่งผลให้นักเรียนขาดเรียน เกิดการเรียนไม่ทัน และทำให้ผลการเรียนตกต่ำ และอาจมีพฤติกรรมเสี่ยงตามมา อีกทั้ง ยังอาจส่งผลให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ทำให้เกิดความสูญเสียตามมาอย่างมากมาย” น.ส.พีรญากล่าว
นายณัฐพล ทุมทอง หรือน้องแม็ค นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนศรียาภัย จ.ชุมพร กล่าวว่า อยากขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี และ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.เร่งปฏิรูปการศึกษา ปรับการเรียนการสอน เพราะส่วนตัวมองว่าทุกวันนี้เด็กไทยเรียนหนักเพื่อเตรียมตัวไปสอบแข่งขัน จนไม่มีเวลาไปทำกิจกรรมอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) การทดสอบความถนัดทั่วไป (GAT) การทดสอบความถนัดทางวิชาการ/วิชาชีพ (PAT) การสอบวิชาสามัญ 9 วิชา ยังไม่นับรวมการสอบประเมินความรู้ที่โรงเรียนจัดสอบ ทำให้บางคนต้องวิ่งไปเรียนกวดวิชา เพื่อให้มีความรู้เพียงพอต่อการสอบแข่งขัน โดยเฉพาะเด็กต่างจังหวัดที่เรียนเนื้อหาแน่นไม่เท่าเด็กในกรุงเทพฯ ต้องวิ่งเข้าโรงเรียนกวดวิชาเพื่อให้มีเทคนิคสอบแข่งกับคนอื่นได้ เกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำตามมา
“หากเป็นไปได้ ผมอยากให้ ศธ.และรัฐบาลลดการสอบต่างๆ ให้น้อยลง โดยเฉพาะการสอบ GAT/PAT ที่มีความยากเกินกว่าเนื้อหาที่เรียนในห้องเรียน ทำให้เด็กต้องวิ่งกวดวิชา บางคนที่ครอบครัวมีรายได้น้อยจะเสียเปรียบคนที่ครอบครัวมีฐานะ ส่วนระบบการเข้าเรียนต่อในสถาบันอุดมศึกษาระบบใหม่ จะช่วยแก้ปัญหาการวิ่งรอกสอบ และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้ดีหรือไม่นั้น ผมคงตอบไม่ได้ เพราะไม่แน่ใจ แต่อยากให้ปรับปรุง และพัฒนาให้ดีขึ้น ที่ผ่านมาผมเองยอมรับว่าค่อนข้างกังวล เพราะ ศธ.เป็นกระทรวงที่เปลี่ยนรัฐมนตรีบ่อย อาจจะทำให้นโยบายต่างๆ ไม่ต่อเนื่อง อยากฝากให้นายกฯ ดูแลคุณภาพชีวิตของเด็กไทยให้มีสิทธิที่เท่าเทียมทั้งด้านความเป็นอยู่ และการศึกษา” นายณัฐพลกล่าว
ขอบคุณที่มาจาก มติชนออนไลน์ วันที่ 12 ม.ค. 60
1019
ปฏิกิริยาของคุณคืออะไร?