โซเชียลรณรงค์ร้อง รร. งดปักชื่อ-สกุล ลงบนชุดนักเรียน หลังเกิดคดีหลอนสะท้านเน็ต
เพจดังผุดแคมเปญรณรงค์งดปักชื่อ-นามสกุล ลงบนชุดนักเรียน สานต่อจากกรณีเจอรูปปริศนาในหนังสือมือสอง ตามไปสืบจนทำให้เจอเรื่องชวนสยองทั้งโซเชียล ทำให้ต้องกลับมาคิดทบทวนว่า ทำแบบนี้ดีจริงหรือ เพราะยุคนี้สืบค้นอะไรก็ง่าย ความเป็นส่วนตัวหาย อันตรายต่อเด็กจริง ภาพจาก เฟซบุ๊ก รูปเก่าในวันวาน 1960' Old Siam Photo กลายเป็นเรื่องราวชวนขนลุกตั้งแต่เมื่อวานนี้ (25 มิถุนายน 2563) หลังจากที่มีคนคนหนึ่งไปซื้อหนังสือมือสอง แต่กลับพบรูปหญิงสาวปริศนาในชุดนักเรียน จากนั้น จึงมีคนนำรูปของเธอออกมาโพสต์ลงในกลุ่ม ๆ หนึ่ง เพื่อหวังจะคืนรูปให้เจ้าของตัวจริง แต่กลายเป็นว่า เมื่อเอาชื่อ - สกุล ที่ปักบนชุดนักเรียนไปค้นหาในกูเกิล จนพบว่า ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อคนร้ายในคดีทำร้ายและทารุณกรรมหญิงสาว ด้วยการใช้ไฟลนเหยื่ออย่างทรมาน เป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2551 ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจับกุมตัวได้หรือยัง อ่านข่าว : สาวเจอรูปในหนังสือมือสอง คาดเป็นเจ้าของเก่า ก่อนเจอเรื่องราวชวนหลอน ภาพจาก เฟซบุ๊ก รูปเก่าในวันวาน 1960' Old Siam Photo ล่าสุด วันที่ 26 มิถุนายน 2563 เฟซบุ๊ก หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ ก็มีการโพสต์ถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แต่กลับมองอีกมุมหนึ่ง ตรงเรื่องความเป็นส่วนตัวของนักเรียน ด้วยความที่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การสืบค้นอะไรต่าง ๆ ในยุคนี้ล้วนทำได้ง่ายขึ้น ฉะนั้น จึงเกิดคำถามที่ว่า การปักชื่อและนามสกุลของเด็กนักเรียนแบบนี้ ยังคงเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันหรือไม่ เพราะหากมีผู้ไม่หวังดี ก็สามารถเอาชื่อและนามสกุลที่อยู่บนเสื้อ ไปสืบได้ทันทีว่าเป็นลูกใครหลานใคร ขณะเดียวกัน ทางเพจก็ได้เสนอแนะว่า ควรเปลี่ยนเป็นใช้ป้ายชื่อเข็มกลัดปักแทน พอเลิกเรียนก็เอาออก หรือตรวจสอบจากบัตรนักเรียนแทนก็ได้ รวมถึงถ้าต้องการบริจาคชุดนักเรียน ก็ไม่ต้องไปเลาะชื่อออกให้เสียเวลา สภาพเสื้อเสียหายด้วย ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวเริ่มมีบางโรงเรียนใช้กันบ้างแล้ว นักเรียนไม่ต้องปักชื่อบนเสื้ออีกต่อไป ขณะเดียวกัน ทางเพจก็ขอร้องให้งดขุดข้อมูลหญิงสาวชุดนักเรียนที่ตกเป็นข่าว เพราะเรื่องนี้ก็ผ่านไปนานแล้ว บางทีเขาอาจจะพ้นโทษแล้วก็ได้ ส่วนชาวเน็ตก็ต่างเห็นด้วยกับประเด็นนี้ บางคนก็เล่าประสบการณ์การเจอคุกคามจากการที่มีคนเห็นชื่อนามสกุลบนชุดนักเรียนมาแล้ว บางคนก็ยกตัวอย่างเรื่องใกล้ตัวที่สุด การเซ็นชื่อเข้าร้านสะดวกซื้อช่วงโควิด 19 แต่กลับถูกพนักงานเอาข้อมูลส่วนตัวมาค้น และแชตมาจีบ

เพจดังผุดแคมเปญรณรงค์งดปักชื่อ-นามสกุล ลงบนชุดนักเรียน สานต่อจากกรณีเจอรูปปริศนาในหนังสือมือสอง ตามไปสืบจนทำให้เจอเรื่องชวนสยองทั้งโซเชียล ทำให้ต้องกลับมาคิดทบทวนว่า ทำแบบนี้ดีจริงหรือ เพราะยุคนี้สืบค้นอะไรก็ง่าย ความเป็นส่วนตัวหาย อันตรายต่อเด็กจริง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก รูปเก่าในวันวาน 1960' Old Siam Photo
กลายเป็นเรื่องราวชวนขนลุกตั้งแต่เมื่อวานนี้ (25 มิถุนายน 2563) หลังจากที่มีคนคนหนึ่งไปซื้อหนังสือมือสอง แต่กลับพบรูปหญิงสาวปริศนาในชุดนักเรียน จากนั้น จึงมีคนนำรูปของเธอออกมาโพสต์ลงในกลุ่ม ๆ หนึ่ง เพื่อหวังจะคืนรูปให้เจ้าของตัวจริง แต่กลายเป็นว่า เมื่อเอาชื่อ - สกุล ที่ปักบนชุดนักเรียนไปค้นหาในกูเกิล จนพบว่า ชื่อดังกล่าวเป็นชื่อคนร้ายในคดีทำร้ายและทารุณกรรมหญิงสาว ด้วยการใช้ไฟลนเหยื่ออย่างทรมาน เป็นคดีที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2551 ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจับกุมตัวได้หรือยัง
อ่านข่าว : สาวเจอรูปในหนังสือมือสอง คาดเป็นเจ้าของเก่า ก่อนเจอเรื่องราวชวนหลอน
ภาพจาก เฟซบุ๊ก รูปเก่าในวันวาน 1960' Old Siam Photo
ล่าสุด วันที่ 26 มิถุนายน 2563 เฟซบุ๊ก หนูน้อยบนยอดเขาอันหนาวเหน็บ ก็มีการโพสต์ถึงเรื่องนี้เหมือนกัน แต่กลับมองอีกมุมหนึ่ง ตรงเรื่องความเป็นส่วนตัวของนักเรียน ด้วยความที่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การสืบค้นอะไรต่าง ๆ ในยุคนี้ล้วนทำได้ง่ายขึ้น ฉะนั้น จึงเกิดคำถามที่ว่า การปักชื่อและนามสกุลของเด็กนักเรียนแบบนี้ ยังคงเหมาะสมกับสภาพปัจจุบันหรือไม่ เพราะหากมีผู้ไม่หวังดี ก็สามารถเอาชื่อและนามสกุลที่อยู่บนเสื้อ ไปสืบได้ทันทีว่าเป็นลูกใครหลานใคร
ขณะเดียวกัน ทางเพจก็ได้เสนอแนะว่า ควรเปลี่ยนเป็นใช้ป้ายชื่อเข็มกลัดปักแทน พอเลิกเรียนก็เอาออก หรือตรวจสอบจากบัตรนักเรียนแทนก็ได้ รวมถึงถ้าต้องการบริจาคชุดนักเรียน ก็ไม่ต้องไปเลาะชื่อออกให้เสียเวลา สภาพเสื้อเสียหายด้วย
ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวเริ่มมีบางโรงเรียนใช้กันบ้างแล้ว นักเรียนไม่ต้องปักชื่อบนเสื้ออีกต่อไป ขณะเดียวกัน ทางเพจก็ขอร้องให้งดขุดข้อมูลหญิงสาวชุดนักเรียนที่ตกเป็นข่าว เพราะเรื่องนี้ก็ผ่านไปนานแล้ว บางทีเขาอาจจะพ้นโทษแล้วก็ได้
ส่วนชาวเน็ตก็ต่างเห็นด้วยกับประเด็นนี้ บางคนก็เล่าประสบการณ์การเจอคุกคามจากการที่มีคนเห็นชื่อนามสกุลบนชุดนักเรียนมาแล้ว บางคนก็ยกตัวอย่างเรื่องใกล้ตัวที่สุด การเซ็นชื่อเข้าร้านสะดวกซื้อช่วงโควิด 19 แต่กลับถูกพนักงานเอาข้อมูลส่วนตัวมาค้น และแชตมาจีบ




ปฏิกิริยาของคุณคืออะไร?






