ตรีนุช เร่งลดภาระครู-นักเรียน คาด 31ส.ค.นี้ ผู้ปกครองได้เงิน 2,000บาท
วันที่ 6 ส.ค.2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ของโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และสังกัดอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ และไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ.ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน โดยจ่ายผ่านสถานศึกษาและให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้นักเรียน นักศึกษาหรือผู้ปกครอง 11 ล้านคน วงเงิน 21,600 ล้านบาทน.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดเพื่อจัดสรรเงินให้ ศธ. ซึ่งตนมอบหมายให้นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. ดำเนินการให้เร็วที่สุด หากสำนักงานงบประมาณจัดทำรายละเอียดและจัดสรรเงินมาให้ ศธ.แล้ว จากนั้น ศธ.จะตรวจสอบข้อมูล เพื่อจัดสรรเงินงบประมาณลงไปที่สถานศึกษาต่อไป คาดว่าภายในวันที่ 31 ส.ค.ถึงต้นเดือนก.ย.นี้ สถานศึกษาจะได้รับเงิน และโอนเงินเยียวยา 2,000 บาท ให้นักเรียนและผู้ปกครองต่อไป“ส่วนการจ่ายเงินนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับว่า ศธ.ต้องเร่งลดความเดือดร้อนของนักเรียนและผู้ปกครองให้เร็วที่สุด ดังนั้น การจ่ายเงินจะต้องรวดเร็วด้วย ซึ่งศธ.คิดหาวิธีการที่จัดส่งเงินให้รวดเร็วที่สุด พบว่าหากจ่ายเงินตามฐานข้อมูลการจ่ายเงินอุดหนุนรายหัวของนักเรียนที่ ศธ.มีข้อมูลอยู่ จะสามารถนำส่งเงินให้สถานศึกษาได้เร็วที่สุด” น.ส.ตรีนุช กล่าวนอกจากนี้ท สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดทำแนวทางลดภาระครูและนักเรียน เพื่อลดภาระครูและนักเรียนในสถานการณ์โควิด-19 เบื้องต้นจะลดเวลาทำงานของครู ปรับลดโครงการต่างๆ ให้ครูปฏิบัติให้เหลือเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ สพฐ. มีโครงการให้ครูและโรงเรียนปฏิบัติหลายร้อยโครงการ หรือการนับเวลาเรียนรูปแบบใหม่ ที่เดิมจะนับเวลาเรียนจากในห้องเรียนเท่านั้น แต่ขณะนี้การเรียนการสอนเปลี่ยนไปหลายรูปแบบ เช่น ออนไลน์ ออนแอร์ เป็นต้น ดังนั้นการนับเวลาเรียนต้องเปลี่ยนไปด้วย“พร้อมปรับเปลี่ยนการใช้งบต่างๆ โดยเฉพาะงบอุดหนุนรายหัวในบางรายการที่เดิมกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องใช้จ่ายเรื่องนี้เท่านั้น เช่น งบหนังสือจะต้องซื้อหนังสือเท่านั้น ต้องปรับให้ยืดหยุ่นเพื่อให้สถานศึกษานำไปลดภาระครูต่อไป ซึ่งการปรับงบบางรายการต้องขออนุมัติจาก ครม. ซึ่งศธ.จะเร่งทำเรื่องให้ครม.พิจารณาโดยเร็ว ส่วนงบไหนที่ ศธ.สามารถปรับแก้ระเบียบเองได้ จะเร่งเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พิจารณาเห็นชอบโดยเร็ว เพื่อให้ครูมีความยืดหยุ่นในการทำงาน และพัฒนาการเรียนการสอนได้โดยเร็ว” น.ส.ตรีนุช กล่าว 6234
วันที่ 6 ส.ค.2564 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบให้ช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 ของโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และสังกัดอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือนักเรียน นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในสถานศึกษาสังกัด ศธ.ทั้งภาครัฐและเอกชนที่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ และไม่ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐ และสถานศึกษานอกสังกัด ศธ.
ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานชั้นอนุบาล-ม.6 และอาชีวศึกษา ในอัตรา 2,000 บาทต่อคน โดยจ่ายผ่านสถานศึกษาและให้สถานศึกษาจ่ายตรงให้นักเรียน นักศึกษาหรือผู้ปกครอง 11 ล้านคน วงเงิน 21,600 ล้านบาท
น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงบประมาณอยู่ระหว่างตรวจสอบรายละเอียดเพื่อจัดสรรเงินให้ ศธ. ซึ่งตนมอบหมายให้นายสุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ. ดำเนินการให้เร็วที่สุด หากสำนักงานงบประมาณจัดทำรายละเอียดและจัดสรรเงินมาให้ ศธ.แล้ว จากนั้น ศธ.จะตรวจสอบข้อมูล เพื่อจัดสรรเงินงบประมาณลงไปที่สถานศึกษาต่อไป คาดว่าภายในวันที่ 31 ส.ค.ถึงต้นเดือนก.ย.นี้ สถานศึกษาจะได้รับเงิน และโอนเงินเยียวยา 2,000 บาท ให้นักเรียนและผู้ปกครองต่อไป
“ส่วนการจ่ายเงินนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กำชับว่า ศธ.ต้องเร่งลดความเดือดร้อนของนักเรียนและผู้ปกครองให้เร็วที่สุด ดังนั้น การจ่ายเงินจะต้องรวดเร็วด้วย ซึ่งศธ.คิดหาวิธีการที่จัดส่งเงินให้รวดเร็วที่สุด พบว่าหากจ่ายเงินตามฐานข้อมูลการจ่ายเงินอุดหนุนรายหัวของนักเรียนที่ ศธ.มีข้อมูลอยู่ จะสามารถนำส่งเงินให้สถานศึกษาได้เร็วที่สุด” น.ส.ตรีนุช กล่าว
นอกจากนี้ท สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้จัดทำแนวทางลดภาระครูและนักเรียน เพื่อลดภาระครูและนักเรียนในสถานการณ์โควิด-19 เบื้องต้นจะลดเวลาทำงานของครู ปรับลดโครงการต่างๆ ให้ครูปฏิบัติให้เหลือเพียง 1 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ สพฐ. มีโครงการให้ครูและโรงเรียนปฏิบัติหลายร้อยโครงการ หรือการนับเวลาเรียนรูปแบบใหม่ ที่เดิมจะนับเวลาเรียนจากในห้องเรียนเท่านั้น แต่ขณะนี้การเรียนการสอนเปลี่ยนไปหลายรูปแบบ เช่น ออนไลน์ ออนแอร์ เป็นต้น ดังนั้นการนับเวลาเรียนต้องเปลี่ยนไปด้วย
“พร้อมปรับเปลี่ยนการใช้งบต่างๆ โดยเฉพาะงบอุดหนุนรายหัวในบางรายการที่เดิมกำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องใช้จ่ายเรื่องนี้เท่านั้น เช่น งบหนังสือจะต้องซื้อหนังสือเท่านั้น ต้องปรับให้ยืดหยุ่นเพื่อให้สถานศึกษานำไปลดภาระครูต่อไป ซึ่งการปรับงบบางรายการต้องขออนุมัติจาก ครม. ซึ่งศธ.จะเร่งทำเรื่องให้ครม.พิจารณาโดยเร็ว ส่วนงบไหนที่ ศธ.สามารถปรับแก้ระเบียบเองได้ จะเร่งเสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พิจารณาเห็นชอบโดยเร็ว เพื่อให้ครูมีความยืดหยุ่นในการทำงาน และพัฒนาการเรียนการสอนได้โดยเร็ว” น.ส.ตรีนุช กล่าว
6234
ปฏิกิริยาของคุณคืออะไร?